Psyche Poll #1 : Love Poll

Posted by

Psyche Poll #1

Love Poll: สีสันของหัวใจ ความหมายวันวาเลนไทน์

อภัยได้มั้ยถ้าถูกนอกใจ และการถูกเทอันเจ็บปวด

************************************************

หลังจากที่เพจบริหารชีวิตด้วยจิตวิทยาได้สำรวจความคิดเห็นเรื่อง “ความรัก” ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์
ในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ มีท่านผู้มีอุปการะคุณได้เข้ามาร่วมสนุกตอบโพลนี้ทั้งสิ้นจำนวน 224 คน
เป็นผู้หญิงจำนวน 162 คน (72.3%) ชาย 43 คน (19.2%) เพศอื่นๆ 9 คน (4%) และไม่ระบุเพศอีก 10 คน (4.5%)

มีอายุเฉลี่ย 28.87 ปี (ต่ำสุด 14 ปี และสูงสุด 60 ปี) โดยกว่าครึ่งอยู่ในสถานะ โสด (49.1%) มีแฟนและแต่งงานแล้วอีกจำนวนมาก (34.8%) ขณะที่บางส่วนอยู่ในสถานะคลุมเครือ (12.1%)

จากคำถามใน Psyche Poll#1 ของเราที่ประกอบด้วย

    1. สถานะทางหัวใจตอนนี้ของคุณเปรียบได้กับสีอะไร

    2. สำหรับคุณวันวาเลนไทน์มีความหมายอย่างไร

    3. ถ้าคุณจับได้ว่าแฟนนอกใจ จะให้อภัยได้กี่ครั้ง

    4. คำบอกเลิกแบบไหนที่ไม่อยากได้ยิน

 

ผลการสำรวจปรากฎดังนี้

1. สีสันของหัวใจ

สีของความรัก

สีเทาคือสีที่มีผู้ตอบมากที่สุด รองลงมาคือสีขาว และสีชมพู ส่วนสีในตัวเลือกที่มีคนตอบน้อยที่สุดคือสีม่วง
อย่างไรก็ดี มีผู้ระบุสีอื่นๆ นอกจากตัวเลือกมาด้วย อาทิ สีครีม, ชมพูเทา, ชมพูอ่อน, เทาปนส้ม, น้ำตาล, ฟ้า, ใส ไร้สี และหลากสี

จากผลสำรวจนี้ น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุใดสีเทาจึงเป็นสีที่แสดงถึงสถานะหัวใจของผู้ตอบจำนวนถึงเกือบ 1 ใน 4 เลยทีเดียว!

เพื่อที่จะเข้าใจมากขึ้นนั้น ลองมาดูกันนะคะว่า สีแต่ละสีสะท้อนสภาวะหัวใจของเราอย่างไรบ้าง

สีของความรัก 2

แม้สีเทาในตารางนี้จะมีความหมายที่ดูซึมเซาสิ้นหวังเสียเหลือเกิน แต่ที่จริงแล้ว สีเทายังมีความหมายทางบวก อันสื่อถึงมิตร ผู้อุปถัมป์ ศักดิ์ศรี และสติปัญญาอีกด้วย1

เพราะโดยทั่วไปสีเทานั้นเป็นสีที่ไม่เรียกร้องความสนใจ มักถูกใช้เป็นพื้นหลังเพื่อขับให้สีอื่นดูโดดเด่น จึงถือเป็นสีของการประนีประนอม สุขุมรอบคอบ บ้างก็ว่าเป็นสีของคนที่มีลักษณะของการใช้เหตุผล ไม่ค่อยไว้ใจอะไรง่ายๆ2 ระมัดระวังตน และมักจะสร้างเกราะป้องกันตัวเอง3

ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลจากโพล ที่ประมาณ 3 ใน 5 ของผู้ที่เลือกสีเทา คือ คนโสด! อีก 1 ส่วนคือผู้ที่อยู่ในสถานะคลุมเครือ และอีก 1 ส่วนอยู่ในสถานะมีคนรู้ใจ

นั่นแปลว่า สำหรับผู้ที่เลือกสีเทา คุณอาจเป็นผู้ที่มีหัวใจอันสงบเสงี่ยมเงียบขรึม พร้อมอยู่กลืนๆ เป็นแบคกราวน์ให้กับหัวใจเปี่ยมสีสันดวงอื่นๆ หรืออาจอยู่ในสถานะที่กำลังรอคอยให้ใคร (หรือคนที่คุณรู้อยู่แล้วว่าใคร) เข้ามาสร้างสีสันให้กับคุณก็เป็นได้

สีของความรัก 3

เช่นเดียวกันกับ สีขาว สีแห่งสันติภาพ ก็เป็นอีกสีที่คนโสดหลายคนเทใจให้

สีขาวเป็นสีที่สื่อถึงความสมบูรณ์แบบ เปิดเผย เรียบง่าย ปลอดภัย ดังนั้นต่อให้หัวใจของคุณจะว่างเปล่าแต่ก็เป็นหัวใจที่มีความสมดุล และถ้าหากเป็นหัวใจของคู่แต่งงาน ก็เป็นคู่แต่งงานที่มีความนุ่มนวลและมีเมตตาต่อกัน

สีที่ไม่กล่าวถึงเลยไม่ได้ เพราะเป็นสีที่เป็นสัญลักษณ์ของความรักและวันวาเลนไทน์ ก็คือ สีชมพูและสีแดง

สองสีนี้เป็นสีที่เป็นตัวแทนของคนมีความรัก ไม่ว่าจะเป็นรักที่สมหวัง อยู่ในช่วงเริ่มต้น สุกงอม หรือเป็นรักที่ “กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง” ก็ตาม

สำหรับสีชมพูนั้น เป็นสีที่อ่อนหวาน ฟรุ้งฟริ้ง ก็เหมือนกับรักที่เพิ่งเริ่มต้น หรือรักที่ยังคงความชุ่มชื่น สดใส มองคำว่ารักและคนชิดใกล้ในแง่บวก

ส่วนสีแดงที่แรงจัด ชัดเจน เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ก็เปรียบได้กับหัวใจที่มีไฟปรารถนา กล้าได้และกล้าเสีย

สังเกตได้ว่า สีแดงเป็นสีเดียวที่ไม่มีคนโสดคนไหนเลือกตอบเลย ซึ่งก็เข้าใจได้ไม่ยากค่ะ เพราะสีแดงเป็นสีที่มีค่าสีสูงที่สุด สะดุดตา (อีกนัยหนึ่งคือมองนานๆ แล้วเมื่อยตา) มากที่สุด สำหรับคนโสดที่ยังไม่มีใครเคียงข้างเป็นตัวเป็นตน ก็คงไม่มีความรู้สึกแรงจัดชัดเจนกับใครได้

2. ความหมายของวันวาเลนไทน์

มาถึงคำถามข้อที่ 2 ของเรากันบ้างนะคะ

เมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ จะลืมเทศกาลสำคัญอย่างวาเลนไทน์ไปไม่ได้เลย (ไหนใครนึกถึงวันมาฆบูชาก่อนวันวาเลนไทน์บ้างเอ่ย)

ไม่ว่าคุณจะมองเทศกาลนี้อย่างไร แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรยากาศโดยรอบ โดยเฉพาะในห้างร้านก็คงเตือนคุณให้ต้องสนใจวันนี้อยู่ดี

จากผู้ตอบแบบสำรวจของเรา 224 คน ไม่ว่าชายหรือหญิง หรือเพศอื่นๆ พร้อมใจกันตอบว่าวันวาเลนไทน์นั้นไม่ได้แตกต่างอะไรจาก 364 (หรือ 365) วันที่เหลือ

วาเลนไทน์คืออะไร

เป็นผลสำรวจที่ไม่ได้สร้างความแปลกใจอะไรค่ะ

เพราะเราเป็นคนไทย ส่วนคติวันวาเลนไทน์นั้นมาจากชาติตะวันตก ก็เป็นไปได้ที่คนจำนวนมากไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรนักกับวันนี้ แต่ก็มีอีกจำนวนไม่น้อยที่อาจจะรับเอาวัฒนธรรม และถือเอาโอกาสนี้ใช้เป็นวันดีๆ (D-day) ที่จะนัดหมาย พบเจอ มอบของขวัญ หรือทำอะไรพิเศษให้กันเพื่อแสดงความรักและเชื่อมความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันที่ทำหน้าที่ เตือนให้นึกถึงกัน เช่นเดียวกับ วันเกิดและวันครบรอบต่างๆ แต่สำหรับคนไทยเราก็สามารถยืดหยุ่นที่จะเพิ่มหรือลดความสำคัญของวันวาเลนไทน์ได้ แล้วแต่ความสะดวกของคู่นัด หรือสภาพคล่องในกระเป๋า (เพราะเป็นเทศกาลที่ดอกไม้ ตุ๊กตา ช็อกโกแลต แสนละลานตา แต่ก็แพงกว่าปกติหลายเท่าตัว)

วาเลนไทน์คืออะไร2

ความน่าสนใจของวันวาเลนไทน์ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ค่ะ

คุณเชื่อหรือไม่ว่า นอกจากจะเป็นวันสารภาพรัก วันมอบความรักให้แก่กันแล้ว คู่รักหลายคู่ ถือเอาวันวาเลนไทน์เป็นวันดีเดย์ของการบอกเลิกกัน อีกด้วย4

ผลการวิเคราะห์สถิติ Relationship status ในเฟซบุ๊ก พบว่า อัตราการเลิกราของคู่รักจะสูงเป็นพิเศษในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นมีนาคม และช่วง 2 สัปดาห์ก่อนคริสต์มาส

ผู้วิจัยให้คำอธิบายว่า เหตุผลที่หลายคนเลือกจบความสัมพันธ์ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเป็นเพราะ เทศกาลเป็นตัวเหนี่ยวนำที่ทำให้คนเราหันมาทบทวนถึงความรู้สึกที่เรามีต่อคนใกล้ชิดและสภาพความสัมพันธ์ที่กำลังดำเนินอยู่

หากบุคคลพบว่า ตนรู้สึกไม่พึงพอใจในความรักความสัมพันธ์ มันก็จะกลายเป็นช่วงชีวิตอันยากลำบากที่จะข้ามผ่านช่วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังเฉลิมฉลองกันเกี่ยวกับความรักไปได้

หากคู่รักไม่สามารถร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคและปรับปรุงให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นได้ ช่วงเวลานี้จึงกลายเป็นแรงผลักดันให้คู่รักต้องเว้นวรรคหรือสวมคอนเวิร์สแล้วแยกย้ายจากกันไปค่ะ

3. การถูกเทอันเจ็บปวด

เพื่อความต่อเนื่องเราจะข้ามไปที่คำถามข้อ 4 ของโพลกันก่อนนะคะ ว่าด้วย คำบอกเลิกแบบไหนที่ไม่อยากได้ยิน

ผลสำรวจที่ออกมาแทบจะทำให้เราต้องเปลี่ยนคำถาม เพราะตัวเลือกที่ถูกเลือกมากที่สุดกลายเป็นตัวเลือกข้อสุดท้าย คือเหนือกว่าถ้อยคำทิ่มแทงใจ การปราศจากแม้ถ้อยคำใดๆ นำมาซึ่งความชอกช้ำหัวใจมากที่สุด

คำบอกเลิก

ผู้ตอบกว่าครึ่งพร้อมใจกันตอบว่า ไม่มีอะไรพาให้เจ็บใจเท่าการเลิกราที่ไม่มีคำลาอีกแล้ว

แม้การจากไปเพราะเขามีใหม่ หรือเราไม่ใช่ความสุขของเขาอีกต่อไป จะสร้างรอยแผลและคำถามต่างๆ ให้กับเรามากมาย ทั้งงงว่าเขามีคนอื่นนอกจากเราตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมรักกันอยู่ดีๆ การมีเราถึงทำให้เขาไม่มีความสุขไปได้

แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร้!?!”

แต่อย่างน้อยคำตอบหรือข้ออ้างที่มีให้ ไม่ว่าจะฟังขึ้นหรือไม่ขึ้นอย่างไร ก็ไม่สร้างความสับสนปั่นป่วนใจได้เท่าการไม่มีคำตอบ

การเงียบหายไปเลยนั้นทิ้งไว้ทั้งความสูญเสียอ้างว้าง ทิ้งไว้ทั้งความค้างคาใจ ที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ควรรอนานแค่ไหน หรือเริ่มต้นใหม่เมื่อไหร่ดี

ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่ชอบที่จะต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ดังนั้นฝากเอาไว้ว่าถ้าคุณคือคนหนึ่งที่รู้สึกไม่อยากไปต่อกับความสัมพันธ์ ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลหรือไม่มีเหตุผลให้กับอีกฝ่ายหรือแม้กระทั่งตัวเอง ก็ขอให้มีคำลาสักคำก่อนจะไป

เรายังไม่จบกับประเด็นการเลิกราค่ะ

คำบอกลาที่พาให้เจ็บปวดเป็นอันดับที่ 1 จากในตัวเลือกที่มีคำบอกลา ก็คือขอโทษนะ ฉันรักคนอื่นแล้ว

เป็นผลลัพธ์ที่เข้าใจได้ไม่ยากนักค่ะ

การที่คนรักทิ้งเราไปมีใหม่ นำพาซึ่งความรู้สึกทางลบอีกประการหนึ่งนอกเหนือจากความรู้สึกสูญเสียคนสำคัญ นั่นคือการสูญเสียคุณค่าในตนเอง

เราคือคนที่ไม่ถูกเลือก เราไม่ดีตรงไหน คนนั้นดีกว่าอย่างไร ทำไมการมาก่อนและสายสัมพันธ์ที่มีต่อกันไม่ช่วยอะไรเลย

ต่อให้เราสามารถบอกกับตัวเองได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ความผิดของเรา หรือไม่ใช่ความผิดของใคร (ถ้ามันเป็นอย่างนั้นนะคะ) แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกด้อยค่าจากการเป็นคนที่ไม่ถูกเลือกได้อย่างง่ายดายอยู่ดี

4. อภัยได้มั้ยกับการถูกนอกใจ

แต่ก่อนที่จะไปถึงกระบวนการถูกทิ้งหรือเป็นฝ่ายทิ้งอีกคน สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นคือการมีใครอีกคนเข้ามาเป็นตัวแปรในความสัมพันธ์ค่ะ

บุคคลที่สามนั้นอาจจะก้าวเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ หรือเข้ามาด้วยความตั้งใจของคนกลางที่คิดจับปลาหลายมือ อาจเป็นการก้าวเข้ามาแบบชั่วคราว หรืออาจจะก้าวแบบเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปเลยก็ได้

คุณจะตอบสนองอย่างไรคะ ถ้าจับได้ว่าคนรักของคุณมีใครอีกคนหนึ่งซ่อนไว้

ผู้ตอบแบบสำรวจ 224 คน ของเราให้น้ำหนักไปที่ การรอฟังเหตุผลของคนนอกใจ ค่ะ

ให้อภัย

ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ต้องการที่จะทราบก่อนว่าที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืออะไร

แน่นอนว่าการถูกนอกใจนั้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ เป็นเหตุให้ความเชื่อและอุดมคติที่เรายึดถือเกี่ยวกับการครองคู่ถูกทำลาย เป็นสิ่งที่ละเมิดให้ตัวเรารู้สึกไม่เป็นธรรม สั่นคลอนความรู้สึกมั่นคง นำมาซึ่งอารมณ์ทางลบหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นโกรธ ผิดหวัง เสียใจ หดหู่ คับข้องใจ

บุคคลต้องเผชิญกับการชั่งน้ำหนักระหว่าง สิ่งลบๆ ทั้งหมดข้างต้น กับ สิ่งดีๆ ที่เคยมีมาและอาจจะมีต่อไปในอนาคต ด้วยความยากลำบาก ซึ่งถ้ามันไม่อาจตัดสินได้โดยง่าย เหตุผลที่อีกฝ่ายมีให้จะมาช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับฝั่งใดฝั่งหนึ่งค่ะ อาจช่วยให้ให้อภัยง่ายขึ้น5 หรืออาจช่วยให้ตัดใจไม่ต้องเสียดายง่ายขึ้น…

แต่ละคนมีความคาดหวังในความรักแตกต่างกัน ให้ความสำคัญกับองค์ประกอบต่างๆ ไม่เหมือนกัน มีขอบเขตการยอมรับและความยืดหยุ่นในขอบเขตนั้นๆ ไม่เท่ากัน6 จึงยากที่จะบอกว่าเหตุผลแบบไหนที่จะช่วยดึงรั้งความสัมพันธ์ไว้ได้ และมีโอกาสเท่าไหร่ที่จะมอบให้สำหรับการแก้ตัว

แม้การเลิกราและการถูกหักหลังล้วนเป็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อคุณตัดสินใจเลือกที่จะคบหากับใครสักคน แต่หากคุณทั้งคู่ช่วยกันบ่มเพาะสายสัมพันธ์ด้วยความตั้งใจ ไม่ละเลยการสื่อสาร และคอยประคับประคองความสัมพันธ์เมื่อเกิดปัญหา เมื่อมีจุดใดเสียหายก็ซ่อมแซม ใส่ใจ ปรับตัวเข้าหากัน เปลี่ยนวิธีคิดจาก  “Me” ให้เป็น “We” ความสัมพันธ์นั้นย่อมนั้นมาซึ่งความสุข …ไม่ว่าจะออกไปในเฉดสีใด ก็เป็นเฉดสีที่มีคุณค่ามีความหมายต่อชีวิตของเรา

************************************************

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s